การได้ยินเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพัฒนาการของเด็ก เด็กที่มีปัญหาการได้ยินจะไม่สามารถได้ยินเสียงรอบตัวได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาจส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่างๆ เช่น พัฒนาการภาษา การพูด การอ่าน การเขียน การเข้าสังคม และการเรียนรู้

สาเหตุของปัญหาการได้ยินในเด็ก

ปัญหาการได้ยินในเด็กอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น 

  • พันธุกรรม
  • การติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์ เช่น การติดเชื้อหัดเยอรมัน ซิฟิลิส ไข้สุกใส
  • ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการคลอด
  • อุบัติเหตุหรือความผิดปกติอื่นๆ ที่ทำให้หูเสียหาย

ผลกระทบของปัญหาการได้ยินในเด็ก

ปัญหาการได้ยินในเด็กอาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้ดังนี้

  • พัฒนาการภาษา เด็กที่มีปัญหาการได้ยินจะไม่สามารถได้ยินเสียงพูดได้อย่างชัดเจน จึงอาจมีปัญหาในการพูดและเข้าใจภาษา ส่งผลต่อพัฒนาการด้านภาษาและการอ่านการเขียน
  • พัฒนาการทางสังคม เด็กที่มีปัญหาการได้ยินอาจมีปัญหาในการเข้าสังคม เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารและเข้าใจผู้อื่นได้อย่างเต็มที่
  • การเรียนรู้ เด็กที่มีปัญหาการได้ยินอาจมีปัญหาในการเรียน เนื่องจากไม่สามารถได้ยินเสียงบรรยายหรือเสียงอาจารย์สอนได้อย่างเต็มที่

การตรวจคัดกรองการได้ยินในเด็ก

การตรวจคัดกรองการได้ยินในเด็กเป็นการตรวจเพื่อหาปัญหาการได้ยินในเด็กตั้งแต่แรกเกิด โดยการตรวจคัดกรองการได้ยินในเด็กแรกเกิดมักใช้วิธี Otoacoustic emissions (OAEs) ซึ่งเป็นการตรวจที่ไม่เป็นอันตรายและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที

ประโยชน์ของการตรวจคัดกรองการได้ยินในเด็ก

การตรวจคัดกรองการได้ยินในเด็กมีประโยชน์ดังนี้

  • สามารถตรวจหาปัญหาการได้ยินในเด็กตั้งแต่แรกเกิด ทำให้สามารถให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูสมรรถภาพการได้ยินได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
  • ช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาทักษะต่างๆ ได้ตามปกติ
  • ช่วยลดปัญหาทางสังคมและอารมณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

เมื่อใดควรพาเด็กไปตรวจการได้ยิน

เด็กทุกคนควรได้รับการตรวจการได้ยินอย่างน้อยหนึ่งครั้งเมื่อแรกเกิด หากเด็กมีปัจจัยเสี่ยงต่อการมีปัญหาการได้ยิน เช่น มีประวัติครอบครัวหูตึง เด็กที่มีภาวะผิดปกติทางใบหน้าหรือศีรษะ เด็กที่เกิดจากมารดาที่ติดเชื้อหัดเยอรมัน ซิฟิลิส ไข้สุกใสระหว่างตั้งครรภ์ เด็กที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อยเมื่อแรกเกิด เด็กที่มีภาวะแทรกซ้อนระหว่างการคลอด เด็กที่มีอาการหูตึงหรือมีปัญหาการได้ยินอื่นๆ ผู้ปกครองควรพาเด็กไปตรวจการได้ยินเป็นประจำ

การดูแลเด็กที่มีปัญหาการได้ยิน

หากพบว่าเด็กมีปัญหาการได้ยิน ผู้ปกครองควรพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและเพื่อทดสอบการได้ยิน การรักษาปัญหาการได้ยินในเด็กอาจทำได้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น การใช้เครื่องช่วยฟัง การผ่าตัด การฝึกพูดและฟัง เป็นต้น

นอกจากการรักษาแล้วควรมีการทดสอบการได้ยิน ผู้ปกครองควรดูแลเด็กที่มีปัญหาการได้ยินเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กสามารถพัฒนาทักษะต่างๆ ได้ตามปกติ เช่น

  • พูดกับเด็กให้ชัดเจนและช้าลง
  • หลีกเลี่ยงการใช้เสียงดัง
  • พาเด็กไปเข้าสังคมและฝึกปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • ส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ภาษาและอ่านเขียน

การทดสอบการได้ยินในเด็กเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถช่วยตรวจหาปัญหาการได้ยินในเด็กตั้งแต่แรกเกิด และช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาทักษะต่างๆ ได้ตามปกติ ผู้ปกครองควรพาเด็กไปตรวจการได้ยินเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กมีพัฒนาการที่ดี